นโยบายเว็บไซต์

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

1.  บทน

สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน (ต่อไปในนโยบายนี้เรียกว่าสป.แรงงาน”) ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอื่นอันเกี่ยวกับท่าน (รวมเรียกว่าข้อมูล”) เพื่อให้ท่านสามารถเชื่อมั่นได้ว่า สป.แรงงาน มีความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.. 2562 (“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) ฉบับนี้ จึงได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงแก่ท่าน ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (รวมเรียกว่าการประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งดำเนินการโดย สป.แรงงาน รวมถึงพนักงานเจ้าหน้าที่ บุคคลที่เกี่ยวข้อง และผู้ดำเนินการแทนหรือในนามของ สป.แรงงาน มีเนื้อหาดังนี้

 

2.      ขอบเขตการบังคับใช้นโยบาย

นโยบายนี้ใช้บังคับกับข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับ สป.แรงงาน ในปัจจุบัน และที่อาจมีในอนาคต ซึ่งถูกประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดย สป.แรงงาน เจ้าหน้าที่ พนักงานตามสัญญา หน่วยธุรกิจ หรือ หน่วยงานรูปแบบอื่นที่ดำเนินการโดย สป.แรงงาน รวมถึงคู่สัญญา หรือบุคคลภายนอกที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทน หรือในนามของ สป.แรงงาน (“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล”) ภายใต้การให้บริการต่างๆ เช่น เว็บไซต์ ระบบ แอปพลิเคชัน เอกสาร หรือบริการในรูปแบบอื่นที่ควบคุมดูแลโดย สป.แรงงาน (รวมเรียกว่าบริการ”)

บุคคลซึ่งมีความสัมพันธ์กับ สป.แรงงาน ตามความในวรรคแรก รวมถึง

2.1.   บุคลากรของ สป.แรงงาน ซึ่งหมายความรวมถึง พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ลูกจ้าง เป็นต้น

2.2.   คู่สัญญา คู่ค้า และผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา หมายความรวมถึง กรรมการ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้แทน ตัวแทน ผู้ถือหุ้น ลูกจ้าง หรือบุคคลอื่นที่ดำเนินการแทนหรือในนามของนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับ สป.แรงงาน เป็นต้น

2.3.   ผู้ใช้บริการของ สป.แรงงาน ซึ่งหมายความรวมถึง ประชาชน ผู้ประกันตน หรือนายจ้าง เป็นต้น

2.4.   ผู้เข้าชมหรือใช้งานเว็บไซต์ mol.go.th รวมทั้งระบบ แอปพลิเคชั่น อุปกรณ์ หรือช่องทาง
การสื่อสารอื่นซึ่งควบคุมดูแลโดย สป.แรงงาน

2.5.   บุคคลอื่นที่ สป.แรงงาน เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ผู้สมัครงาน บุคคลในครอบครัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันภัย ที่ปรึกษาด้านแรงงานสัมพันธ์ หรือที่ปรึกษาพัฒนามาตรฐานแรงงาน เป็นต้น

ทั้งนี้ ข้อ 2.1 ถึง 2.5 เรียกรวมกันว่าท่าน

นอกจากนโยบายฉบับนี้แล้ว สป.แรงงาน อาจกําหนดให้มีคําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) สำหรับกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของ สป.แรงงาน เพื่อชี้แจงให้ท่าน ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ทราบถึงรายละเอียดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล วัตถุประสงค์ ฐานทางกฎหมายที่ใช้ และระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความขัดแย้งกันในสาระสำคัญระหว่างความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและนโยบายนี้ ให้ถือตามความในประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของบริการนั้น

 

3.      คํานิยาม

สป.แรงงาน หมายถึง สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุไปถึงตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.. 2562 ซึ่งได้แก่ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ สหภาพ แรงงาน พันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง การดำเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เก็บรวบรวม บันทึก สำเนา จัดระเบียบ เก็บรักษา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใช้ กู้คืน เปิดเผย ส่งต่อ เผยแพร่ โอน รวม ลบ และทำลาย เป็นต้น

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ สป.แรงงาน เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

 

4.      แหล่งที่มาของข้อมูลที่ สป.แรงงาน เก็บรวบรวม

สป.แรงงาน เก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่างๆ จากแหล่งข้อมูลดังต่อไปนี้

4.1   ข้อมูลส่วนบุคคลที่ สป.แรงงาน เก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงในช่องทางให้บริการต่างๆ เช่น ขั้นตอนการสมัคร ลงทะเบียน สมัครงาน ลงนามในสัญญา เอกสาร ทำแบบสำรวจหรือใช้บริการ หรือช่องทางให้บริการอื่นที่ควบคุมดูแลโดย สป.แรงงาน หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อสื่อสารกับ สป.แรงงาน ที่ทำการหรือผ่านช่องทางติดต่ออื่นที่ควบคุมดูแลโดย สป.แรงงาน เป็นต้น

4.2   ข้อมูลที่ สป.แรงงาน เก็บรวบรวมจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใช้งานเว็บไซต์ หรือบริการอื่นๆ ตามสัญญาหรือตามภารกิจ เช่น การติดตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ หรือบริการของ สป.แรงงาน ด้วยการใช้คุกกี้ (Cookies) หรือจากซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น

4.3   ข้อมูลส่วนบุคคลที่ สป.แรงงาน เก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นนอกจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น จากหน่วยงานภายนอก สป.แรงงาน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน หน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง หน่วยราชการในจังหวัดต่างๆ โดยที่แหล่งข้อมูลดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ มีเหตุผลที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้วในการเปิดเผยข้อมูลแก่ สป.แรงงาน

นอกจากนี้ ยังหมายความรวมถึงกรณีที่ท่านเป็นผู้เปิดเผย หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกแก่ สป.แรงงาน ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบในการแจ้งรายละเอียดตามนโยบายนี้หรือประกาศของบริการที่เกี่ยวข้อง ตามแต่กรณีให้บุคคลดังกล่าวทราบ ตลอดจนขอความยินยอมจากบุคคลนั้นหากเป็นกรณีที่ต้องได้รับความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลแก่ สป.แรงงาน

ทั้งนี้ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลที่มีความจำเป็นในการให้บริการของ สป.แรงงาน อาจเป็นผลให้ สป.แรงงาน ไม่สามารถให้บริการนั้นแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ได้ทั้งหมดหรือบางส่วน

 

5. ฐานกฎหมายในการประมวลข้อมูลส่วนบุคคล

สป.แรงงาน ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อการดำเนินการทั้งหลายตามวัตถุประสงค์ของ สป.แรงงาน ที่เกี่ยวข้องกับท่าน ตามฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งสรุปได้ดังนี้

 

ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูล

รายละเอียด

การดเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือการใช้อนาจรัฐที่ สป.แรงงาน ได้รับ

เพื่อให้ สป.แรงงาน สามารถใช้อำนาจรัฐและดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะตามพันธกิจของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานซึ่งกำหนดไว้ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัด กระทรวงแรงงาน กระทรวงแรงงาน พ.. 2559 รวมถึงกฎ ระเบียบ คำสั่ง และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง

การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

เพื่อให้ สป.แรงงาน สามารถปฏิบัติตามหน้าที่
ที่กฎหมายกำหนดไว้ ได้แก่

- ... คุ้มครองแรงงาน พ.. 2541

- ... ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.. 2554

- ... แรงงานสัมพันธ์ พ.. 2518

- ... แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.. 2543

- ... แรงงานทางทะเล พ.. 2558

- ... คุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.. 2562

- ... คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.. 2553

- ความตกลงระหว่างประเทศด้านแรงงาน เช่น ความตกลงว่าด้วยการจัดหาแรงงานระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคม
แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เป็นต้น

รวมถึงกฎหมายลำดับรอง ประกาศ ระเบียบ คำสั่ง ที่อาศัยอำนาจตามกฎหมายข้างต้น

การจําเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

 

เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของ สป.แรงงาน หรือบุคคลอื่น โดยที่การดำเนินการเพื่อประโยชน์ดังกล่าวจะต้องไม่เป็นการรบกวนสิทธิขั้นพื้นฐานของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมากเกินสมควร หรือมากเกินกว่าประโยชน์ที่จะได้รับจากการประมวลผลเช่นว่านั้น เช่น เพื่อการรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ของ สป.แรงงาน หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อกิจการภายในของ  สป.แรงงาน เป็นต้น

 

การจําเป็นเพื่อการป้องกัน หรือระงับอันตราย

ต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ ของบุคคล

 

เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

 

การปฏิบัติตามสัญญา

เพื่อให้ สป.แรงงาน สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา หรือ ดำเนินการอันเป็นความจําเป็นต่อการเข้าทำสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา กับ สป.แรงงาน เช่น การจ้างงาน จ้างทำของ การจัดซื้อจัดจ้าง การทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือหรือสัญญาในรูปแบบอื่น เป็นต้น

 

การจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ วิจัย

หรือสถิติที่สำคัญ

 

เพื่อให้ สป.แรงงาน สามารถจัดทำหรือสนับสนุนการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ วิจัยหรือสถิติตามที่ สป.แรงงานอาจได้รับมอบหมาย

 

ความยินยอม

เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่สป.แรงงานจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากท่าน โดยได้มีการแจ้งวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลก่อนการขอความยินยอมแล้ว เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวด้วยวัตถุประสงค์    ที่ไม่เป็นไปตามข้อยกเว้นมาตรา 24 หรือ 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล.. 2562 เป็นต้น

 

     

 

สป.แรงงาน จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ สป.แรงงาน จำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์เดิม และการประมวลผลดังกล่าวไม่สามารถอ้างอิงฐานการประมวลผลอื่นได้ เช่นนี้ สป.แรงงาน จะขอความยินยอมใหม่เพื่อการใช้ข้อมูลของท่านตามวัตถุประสงค์ใหม่นั้น


6. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ สป.แรงงาน ประมวลผล

สป.แรงงาน อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามประเภทของข้อมูลที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้

ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล

รายละเอียดและตัวอย่าง

ข้อมูลอัตลักษณ์

ข้อมูลระบุชื่อเรียกของท่าน หรือข้อมูลจากเอกสารราชการที่ระบุข้อมูลเฉพาะตัวของท่าน เช่น

คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล ลายมือชื่อ เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน เลขที่ใบขับขี่ เลขที่หนังสือเดินทาง และข้อมูลทะเบียนบ้าน เป็นต้น

ข้อมูลประวัติ

ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวท่าน เช่น วันเดือนปีเกิด สถานที่เกิด ส่วนสูง น้ำหนัก เพศ อายุ สัญชาติ สถานะพลเมือง สถานะการรับราชการทหาร และสถานภาพสมรส เป็นต้น

ข้อมูลที่อยู่และที่ติดต่อ

ข้อมูลเพื่อการติดต่อท่าน เช่น ที่อยู่ตามภูมิลำเนา
ที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่ที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์
ชื่อบัญชีผู้ใช้งานสังคมออนไลน์
(Line ID, Facebook) อีเมล และข้อมูลติดต่อกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น

ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการศึกษา

รายละเอียดการจ้างงาน รวมถึงประวัติการทำงานและประวัติการศึกษา เช่น วุฒิการศึกษา เกรดเฉลี่ยสะสม ประวัติการศึกษา ตำแหน่งงาน ประสบการณ์ในการทำงาน ประวัติการฝึกอบรม ผลการปฏิบัติงานหรือ ผลการประเมินงาน ชื่อบริษัทหรือชื่อนิติบุคคล หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ประวัติการทำงาน
วันเริ่มงาน วันออกจากงาน อายุงาน ข้อมูลค่าจ้างหรือเงินเดือน เอกสารเบิกสวัสดิการ บุคคลอ้างอิงหรือการตรวจสอบภูมิหลัง และการรับรองคุณสมบัติ
สถานภาพทางการเมืองการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้อมูลการเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับกิจการที่ทำร่วมกับ สป. แรงงาน เป็นต้น

ข้อมูลทางการเงิน

รายละเอียดทางการเงินของท่าน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร รายการเดินบัญชีธนาคาร ข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ข้อมูลการลดหย่อนภาษี รายได้ รายละเอียดค่าใช้จ่าย จำนวนหนี้ จำนวนหุ้น จำนวนเงิน ข้อมูลการประกันภัย และข้อมูลกรมธรรม์ประกันภัย เป็นต้น

 

ข้อมูลทรัพย์สิน

รายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ท่านถือครอง เช่น ประวัติการยืม คืนทรัพย์สิน โฉนดที่ดิน เลขทะเบียนรถ และหมายเลขครุภัณฑ์ เป็นต้น

 

ข้อมูลไอที

รายละเอียดเกี่ยวกับบริการของ สป.แรงงาน เช่น
ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน รหัสผ่าน ประวัติการใช้แอปพลิเคชัน ประวัติการใช้งานเว็บไซต์ ประวัติการใช้งานเครือข่าย เวลาที่สืบค้นข้อมูล ข้อมูลคุกกี้
ข้อมูลในการหาพิกัดที่อยู่โดยใช้ภูมิศาสตร์ (GPS) และหมายเลขที่อยู่ไอพี (IP Address) ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน รหัสผ่าน PIN ข้อมูล Single-Sign-On เป็นต้น

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนของท่าน เช่น เชื้อชาติ ศาสนา ความพิการ ความคิดเห็นทางการเมือง และประวัติอาชญากรรม เป็นต้น

ข้อมูลชีวมิติ เช่น ลายนิ้วมือ การจดจำใบหน้า และการจดจำม่านตา เป็นต้น

ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น สภาพร่างกาย ความพิการหรือสภาพที่เฉพาะเจาะจง การฉีดวัคซีน ประวัติการตรวจสุขภาพ ประวัติเกี่ยวกับโรค กรุ๊ปเลือด และผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่า เป็นต้น

 


7. คุกกี้

สป.แรงงาน เก็บรวบรวมและใช้คุกกี้ รวมถึงเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกันในเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้
ความดูแลของ
สป.แรงงาน เช่น www.mol.go.th หรือบนอุปกรณ์ของท่านตามแต่บริการที่ท่านใช้งาน
ทั้งนี้ เพื่อการดเนินการด้านความปลอดภัยในการให้บริการของ สป.แรงงาน และเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นผู้ใช้งานได้รับความสะดวกและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานบริการของ สป.แรงงาน และข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเพื่อปรับปรุง เว็บไซต์ของ สป.แรงงาน ให้ตรงกับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น โดยท่านสามารถตั้งค่าหรือลบการใช้งานคุกกี้ได้ด้วยตนเองจากการตั้งค่าในเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ของท่าน โดยท่านสามารถศึกษานโยบายการใช้คุกกี้ของ สป.แรงงาน ได้ผ่านทาง https://www.mol.go.th/นโยบายการใช้คุกกี้-กระทรวงแรงงาน

 

8. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ และคนเสมือนไร้ความสามารถ

กรณีที่ สป.แรงงาน ทราบว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่จเป็นต้องได้รับความยินยอมในการเก็บรวบรวม
เป็นของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ สป.แรงงาน จะไม่ทการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น จนกว่าจะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอนาจกระทำการแทน ผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

กรณีที่ สป.แรงงาน ไม่ทราบมาก่อนว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือ
คนเสมือนไร้ความสามารถ
และมาพบในภายหลังว่า สป.แรงงาน ได้เก็บรวบรวมข้อมูลของเจ้าของข้อมูล
ส่วนบุคคลดังกล่าว
โดยยังมิได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือ
ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์
ตามแต่กรณี ดังนั้น สป.แรงงาน จะดำเนินการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยเร็ว
หาก
สป.แรงงาน ไม่มีฐานทางกฎหมายประการอื่นนอกเหนือจากความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว

 

9. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

สป.แรงงาน ดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์หลายประการ ซึ่งขึ้นอยู่กับบริการ หรือกิจกรรมที่ท่านใช้บริการ ตลอดจนลักษณะความสัมพันธ์ของท่านกับ สป.แรงงาน หรือข้อพิจารณาในแต่ละบริบทเป็นสำคัญ โดยวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของ สป.แรงงาน เป็นการทั่วไป ทั้งนี้ เฉพาะวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับบริการที่ท่านใช้งานหรือมีความสัมพันธ์ด้วยเท่านั้นที่จะมีผลบังคับใช้กับข้อมูลของท่าน

9.1.       เพื่อการดำเนินการตามภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่ สป.แรงงาน ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วง หรือเป็นการจำเป็นเพื่อใช้อำนาจทางกฎหมายที่ สป.แรงงาน มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการตามพันธกิจดังปรากฏในกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน กระทรวงแรงงาน พ.. 2559 รวมถึงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง

9.2.       เพื่อให้บริการและบริหารจัดการบริการของ สป.แรงงาน ทั้งบริการภายใต้สัญญาที่มีต่อท่าน หรือตามพันธกิจของ สป.แรงงาน

9.3.       เพื่อการดำเนินการทางธุรกรรมของ สป.แรงงาน

9.4.       ควบคุมดูแล ใช้งาน ติดตาม ตรวจสอบและบริหารจัดการบริการเพื่ออำนวยความสะดวก และสอดคล้องกับความต้องการของท่าน

9.5.       วิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับบริการของ สป. แรงงาน

9.6.       เพื่อดำเนินการตามที่จําเป็นในการบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการรับสมัครงาน การสรรหา กรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ การประเมินคุณสมบัติ

9.7.       ป้องกัน ตรวจจับ หลีกเลี่ยง และตรวจสอบการฉ้อโกง การละเมิดความปลอดภัย หรือการกระทำที่ต้องห้าม หรือผิดกฎหมาย และอาจเกิดความเสียหายต่อทั้ง สป.แรงงาน และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

9.8.       การยืนยันตัวตน พิสูจน์ตัวตน และตรวจสอบข้อมูลเมื่อท่านสมัครใช้บริการของ สป.แรงงาน หรือติดต่อใช้บริการ หรือใช้สิทธิตามกฎหมาย

9.9.       ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพบริการ

9.10.   การประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยง

9.11.   ส่งการแจ้งเตือน การยืนยันการทำคำสั่ง ติดต่อสื่อสารและแจ้งข่าวสารไปยังท่าน

9.12.   เพื่อจัดทำและส่งมอบเอกสารหรือข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องและจำเป็น

9.13.   ป้องกันการสแปม หรือการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือผิดกฎหมาย

9.14.   ดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ที่ สป.แรงงาน มีต่อหน่วยงานที่มีอำนาจควบคุม หน่วยงานด้านภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือภาระผูกพันตามกฎหมายของ สป.แรงงาน

9.15.   ป้องกัน หรือหยุดยั้งอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลซึ่งรวมถึงการเฝ้าระวัง
โรคระบาด

9.16.   จัดเตรียมเอกสารทางประวัติศาสตร์เพื่อประโยชน์สาธารณะ การค้นคว้า หรือจัดทำสถิติที่สป.แรงงาน ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ

9.17.   เพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับคดีความ การดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลตามหมายศาล รวมถึงการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลของท่าน


 

10. การส่งต่อ โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานภายนอก สป.แรงงาน

ภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ในข้อ 9 ข้างต้น สป.แรงงาน อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ประเภทของบุคคลผู้รับข้อมูลที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ สป.แรงงาน เป็นการทั่วไป เฉพาะบุคคลผู้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริการที่ท่านใช้งาน หรือมีความสัมพันธ์ด้วยเท่านั้นที่จะมีผลบังคับใช้

 

ประเภทบุคคลผู้รับข้อมูล

รายละเอียด

หน่วยงานของรัฐหรือผู้มีอำนาจที่ สป.แรงงานต้องเปิดเผยข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการตามกฎหมาย หรือวัตถุประสงค์สำคัญอื่น (เช่น การดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะ)

หน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย หรือมีอำนาจควบคุม กำกับดูแลหรือมีวัตถุประสงค์อื่นที่มีความสำคัญ เช่น สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร สำนักงบประมาณ สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สภากาชาดไทย สถานเอกอัครราชทูต สถาบันส่งเสริมความปลอดภัยฯ กรมสรรพากร
และหน่วยงานต่างๆ ภายใต้สังกัดกระทรวงแรงงาน เป็นต้น

 

คณะกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ

ตามกฎหมายของ สป.แรงงาน

สป.แรงงาน อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านแก่บุคคลผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะต่างๆ

 

พันธมิตรทางธุรกิจ

สป.แรงงาน อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านแก่บุคคล ที่ร่วมงานกับ สป.แรงงาน เพื่อประโยชน์ในการให้บริการแก่ท่าน เช่น หน่วยงานผู้ให้บริการที่ท่านติดต่อผ่านบริการของ สป.แรงงาน ผู้ให้บริการด้านการตลาด สื่อโฆษณา สถาบันการเงิน      ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มผู้ให้บริการโทรคมนาคม เป็นต้น

 

ผู้ให้บริการ

 

 

 

 

สป.แรงงาน อาจมอบหมายให้บุคคลอื่นเป็น
ผู้ให้บริการแทน
หรือสนับสนุนการดำเนินการของ สป.แรงงาน เช่น ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูล (เช่น คลาวด์ โกดังเอกสาร) ผู้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสาร ผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน   ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผู้ให้บริการด้าน Digital ID ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการ ด้านการบริหารความเสี่ยง ที่ปรึกษาภายนอก ผู้ให้บริการขนส่ง เป็นต้น

 

ผู้รับข้อมูลประเภทอื่น

สป.แรงงาน อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านให้แก่ผู้รับข้อมูลประเภทอื่น เช่น หน่วยงานภายในจังหวัดของสำนักงานแรงงาน หรือหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

การเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ

สป.แรงงาน อาจเปิดเผยข้อมูลของท่านต่อสาธารณะในกรณีที่จำเป็น เช่น การดำเนินการที่กำหนดให้ สป.แรงงาน ต้องประกาศลงใน
ราชกิจจานุเบกษา หรือมติคณะรัฐมนตรี
การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารภายในองค์กร เป็นต้น

 


11. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

ในบางกรณี สป.แรงงาน อาจจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ
เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการให้บริการแก่ท่าน เช่น เพื่อส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังระบบคลาวด์ (Cloud) ที่มีแพลตฟอร์มหรือเครื่องแม่ข่าย (Server) อยู่ต่างประเทศ (เช่น ประเทศสิงคโปร์ หรือสหรัฐอเมริกา เป็นต้น) เพื่อสนับสนุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริการของ สป.แรงงาน ที่ท่านใช้งานหรือมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นรายกิจกรรม รวมไปถึงการส่งเป็นรูปแบบของเอกสารไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ (เช่น สถานเอกอัครราชทูต หน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องที่ทำหน้าที่ติดต่อประสานงาน)

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่จัดทำนโยบายฉบับนี้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ยังมิได้มีประกาศกำหนดรายการประเทศปลายทางที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ

ดังนั้น เมื่อ สป.แรงงาน มีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังประเทศปลายทาง
สป.แรงงาน
จะดำเนินการเพื่อให้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งหรือโอนไปมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอตามมาตรฐานสากล หรือดำเนินการตามเงื่อนไขเพื่อให้สามารถส่งหรือโอนข้อมูลนั้นได้ตามกฎหมาย ได้แก่

1.       เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้ สป.แรงงาน ต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

2.       ได้แจ้งให้ท่านทราบและได้รับความยินยอมจากท่านในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ ทั้งนี้ตามประกาศรายชื่อประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองส่วนบุคคล ประกาศกำหนด

3.       เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญากับ สป.แรงงาน หรือเป็นการทำตามคำขอของท่านก่อนการเข้าทำสัญญานั้น

4.       เป็นการกระทำตามสัญญาของ สป.แรงงาน กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน

5.       เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือของบุคคลอื่น เมื่อท่านไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้

6.       เป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

 

12. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

สป.แรงงาน จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนั้นยังมีความจำเป็น
ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น
ตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย ประกาศ หรือตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 หมวด 3 การเก็บรักษา ยืม และทำลายหนังสือ โดยอนุโลม ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาและข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสิ้นความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว สป.แรงงาน จะทำการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป ตามรูปแบบและมาตรฐานการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่คณะกรรมการหรือกฎหมายจะได้ประกาศกำหนดหรือตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิหรือคดีความอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน สป.แรงงาน ขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุด

 

13. การให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยบุคคลที่สามหรือผู้ประมวลผลช่วง

สป.แรงงาน อาจมีการมอบหมายหรือจัดซื้อจัดจ้างบุคคลที่สาม (ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล)
ให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของ สป.แรงงาน ซึ่งบุคคลที่สามดังกล่าวอาจเสนอบริการในลักษณะต่างๆ เช่น การเป็นผู้ดูแล (Hosting) รับงานบริการช่วง (Outsourcing) หรือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud computing service/provider) หรือเป็นงานในลักษณะการจ้างทำของในรูปแบบอื่น

การมอบหมายให้บุคคลที่สามทการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น สป.แรงงาน จะจัดให้มีข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อระบุสิทธิและหน้าที่ของ สป.แรงงาน ในฐานะ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล และของบุคคลที่ สป.แรงงาน มอบหมายในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงหนดรายละเอียดประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่ สป.แรงงาน มอบหมายให้ประมวลผล รวมถึงวัตถุประสงค์ ขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และข้อตกลงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามขอบเขตที่ระบุในข้อตกลงและกฎหมายเท่านั้นโดยไม่สามารถประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้

ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีการมอบหมายผู้ให้บริการช่วง (ผู้ประมวลผลช่วง) เพื่อทการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้ สป.แรงงาน
จะกกับให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดให้มีเอกสารข้อตกลงระหว่างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับ
ผู้ประมวลผลช่วงในรูปแบบและมาตรฐานที่ไม่ต่ำกว่าข้อตกลงระหว่าง
สป.แรงงาน กับผู้ประมวลผลข้อมูล
ส่วนบุคคล

 

14. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

สป.แรงงาน มีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล โดยการจำกัดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้สามารถเข้าถึงได้โดยเจ้าหน้าที่เฉพาะราย หรือบุคคลที่มีอนาจหน้าที่ หรือได้รับมอบหมายที่มีความจเป็น ต้องใช้ข้อมูล ดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้แล้วเท่านั้น ซึ่งบุคคลดังกล่าวต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของ สป.แรงงาน อย่างเคร่งครัด ตลอดจนมีหน้าที่รักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนเองรับรู้จากการปฏิบัติการตามอนาจหน้าที่ โดย สป.แรงงาน มีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลทั้งในเชิงองค์กรหรือเชิงเทคนิคที่ได้มาตรฐานสากล และเป็นไปตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกหนด

นอกจากนี้ เมื่อ สป.แรงงาน มีการส่ง โอนหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สาม ไม่ว่าเพื่อการให้บริการตามพันธกิจ ตามสัญญา หรือข้อตกลงในรูปแบบอื่น สป.แรงงาน จะกหนดมาตรการรักษา
ความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความลับที่เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมายก
หนด เพื่อยืนยันว่า ข้อมูลส่วนบุคคลที่ สป.แรงงาน เก็บรวบรวมจะมีความมั่นคงปลอดภัยอยู่เสมอ

 

15. การเชื่อมต่อเว็บไซต์หรือบริการภายนอก

บริการของ สป.แรงงาน อาจมีการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ หรือบริการของบุคคลที่สาม ซึ่งเว็บไซต์ หรือ บริการดังกล่าวอาจมีการประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีเนื้อหาสาระแตกต่างจากนโยบายนี้ สป.แรงงาน ขอแนะนำให้ท่านศึกษานโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือบริการนั้นๆ เพื่อทราบในรายละเอียดก่อนการเข้าใช้งาน ทั้งนี้ สป.แรงงาน ไม่มีความเกี่ยวข้องและไม่มีอนาจควบคุมถึงมาตรกาคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือบริการดังกล่าวและไม่สามารถรับผิดชอบต่อเนื้อหา นโยบาย ความเสียหาย หรือการกระทอันเกิดจากเว็บไซต์หรือบริการของบุคคลที่สาม

 

16. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สป.แรงงาน ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามประกาศคำสั่งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ฉบับปัจจุบัน เพื่อทหน้าที่ตรวจสอบ กับ และให้คำแนะนำในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.. 2562

 

17. สิทธิของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล .. 2562

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.. 2562 ได้กหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ไว้หลายประการ ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อกฎหมายในส่วนของสิทธินี้มีผลใช้บังคับ
โดยรายละเอียดของสิทธิต่างๆ ประกอบด้วย

17.1.   สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง รับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่ สป.แรงงาน เก็บรวบรวมไว้โดยปราศจากความยินยอมของท่าน เว้นแต่กรณีที่ สป.แรงงาน มีสิทธิปฏิเสธคําขอของท่านด้วยเหตุตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การใช้สิทธิของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิ และเสรีภาพของบุคคลอื่น

17.2.   สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน หากท่านพบว่าข้อมูล
ส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้อง
ไม่ครบถ้วน หรือไม่เป็นปัจจุบัน ท่านมีสิทธิขอให้แก้ไขเพื่อให้มีความถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้

17.3.   สิทธิในการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ สป.แรงงาน ลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้ การใช้สิทธิลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

17.4.   สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ในกรณีดังต่อไปนี้

17.4.1.        เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ สป.แรงงาน ทำการตรวจสอบตามคําร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน

17.4.2.        ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย
โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

17.4.3.        เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่ สป.แรงงาน ได้แจ้งในการเก็บรวบรวม แต่เจ้าของข้อมูล
ส่วนบุคคลประสงค์ให้ สป.แรงงาน
เก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมาย

17.4.4.        เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ สป.แรงงาน กำลังพิสูจน์ถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์สาธารณะ
อันเนื่องมาจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิคัดค้าน การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

17.5.      สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน เว้นแต่กรณีที่ สป.แรงงาน มีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น สป.แรงงาน สามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือ
เพื่อประโยชน์สาธารณะของ
สป.แรงงาน

17.6.      สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่ สป.แรงงาน ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าความยินยอมนั้นจะได้ให้ไว้ก่อนหรือหลังพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล .. 2562 มีผลใช้บังคับ) ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรักษาโดย สป.แรงงาน เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้ สป.แรงงาน จำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปหรือยังคงมีสัญญาระหว่างท่านกับ สป.แรงงาน ที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่

17.7.      สิทธิในการขอรับ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก สป.แรงงาน ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ รวมถึงอาจขอให้ สป.แรงงาน ส่ง หรือ โอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ทั้งนี้ การใช้สิทธินี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด

 

18. โทษของการไม่ปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

การไม่ปฏิบัติตามนโยบายอาจมีผลเป็นความผิด และถูกลงโทษทางวินัยตามกฎเกณฑ์ของ สป.แรงงาน (สำหรับเจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานของ สป.แรงงาน) หรือตามข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (สำหรับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ทั้งนี้ ตามแต่กรณีและความสัมพันธ์ที่ท่านมีต่อ สป.แรงงาน และบุคคลดังกล่าวอาจได้รับโทษตามที่กำหนดโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.. 2562 รวมทั้งกฎหมายลำดับรอง กฎระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้อง

 

19. การร้องเรียนต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจกำกับดูแล

ในกรณีที่ท่านพบว่า สป.แรงงาน มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลที่ได้รับการแต่งตั้งโดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือตามกฎหมาย ทั้งนี้ ก่อนการร้องเรียนดังกล่าว สป.แรงงาน ขอให้ท่านโปรดติดต่อมายัง สป.แรงงาน เพื่อให้ สป.แรงงาน มีโอกาสได้รับทราบข้อเท็จจริงและได้ชี้แจงในประเด็นต่างๆ รวมถึงจัดการแก้ไขข้อกังวลของท่านก่อนในโอกาสแรก

20. การปรับปรุงแก้ไขนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สป.แรงงาน อาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ mol.go.th โดยมีวันที่มีผลบังคับใช้ของแต่ละฉบับแก้ไขกำกับอยู่ อย่างไรก็ดี สป.แรงงาน ขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบเพื่อรับทราบนโยบายฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ ผ่านเว็บไซต์ หรือช่องทางเฉพาะกิจกรรมที่ สป.แรงงานดำเนินการ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่ สป.แรงงาน

การเข้าใช้บริการของ สป.แรงงาน ภายหลังการบังคับใช้นโยบายใหม่ ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในนโยบายใหม่แล้ว

 

21. การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ

หากท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูล
ส่วนบุคคลของ สป.แรงงาน
หรือเกี่ยวกับนโยบายนี้ หรือท่านต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

1.    ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)

   ชื่อ: สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน

   สถานที่ติดต่อ      :   สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี แขวงดินแดง เขตดินแดง        กรุงเทพมหานคร 10400               

   หมายเลขโทรศัพท์ :   02 232 1414

    ช่องทางการติดต่ออื่น  : webmaster@mol.mail.go.th

2.    เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO)

    สถานที่ติดต่อ      :   สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี แขวงดินแดง เขตดินแดง        กรุงเทพมหานคร 10400  

   หมายเลขโทรศัพท์ :   02 232 1094

สงวนลิขสิทธิ์ © 2565กระทรวงแรงงาน